หัวข้อที่เกี่ยวข้องมี 4 หัวข้อคือ
> Compare
CSLC and KMSLC (เปรียบเทียบระหว่าง CSLC และ KMSLC)
> User’s
vs. Expert’s Characteristics (คุณลักษณะของผู้ใช้งาน กับ ผู้เชี่ยวชาญ)
> Stages
of KMSLC (ขั้นตอนวงจรการพัฒนาระบบ)
> Layers
of KM Architecture (ระดับของสถาปัตย์กรรมของความรู้)
การพัฒนาการจัดการความรู้
- นักวิเคราะห์ระบบ จะกระทำกับสารสนเทศที่มาจากความต้องการของผู้ใช้
- ผู้ใช้งาน จะรู้ปัญหาเป็นอย่างดีแต่ไม่รู้ทางแก้ ตรงกันข้ามผู้เชียวชาญจะรู้ทั้งปัญหาและทางแก้
- วงจรการพัฒนาระบบแบบดั้งเดิม โดยทั่วไปจะประกอบด้วยขั้นตอนที่เป็นลำดับมาก่อนมาหลังส่วนKM SLC การพัฒนาแบบเพิ่มพูล พัฒนาทีละส่วนจนเสร็จก่อนถึงจะนำไปใช้ได้
- การทดสอบระบบ ปกติจะกระทำขั้นตอนสุดท้ายของวงจร แต่ถ้าป็น KM system testing จะเข้าไปมีส่วนตั้งแต่เริ่มต้นเลย
- วงจรการพัฒนาระบบแบบดั้งเดิม ขับเคลื่อนไปด้วยกระบวนการ หรือเรียกว่า มีการกำหนดความต้องการและค่อยสร้างมันขึ้นมาแต่ถ้าเป็นวงจรชีวิตของ KM จะมุ่งเน้นถึงผลลัพธ์ ไม่ได้มุ่งเน้นถึงกระบวนการ " เริ่มต้นอย่างช้าๆแต่มีการเติบโต "
วงจรการพัฒนาระบบการจัดการความรู้8 ขั้นตอน
ขั้นตอนที่
1 : ประเมินโครงสร้างเพื่อนฐานที่มีอยู่
-
ประเมินโครงสร้างเพื่อนฐานที่มีอยู่ ได้แก่ โครงสร้างฮาร์ดแวร์
พื้นที่ในการขัดเก็บข้อมูลว่าเรามีหน่วยความจำเท่าไร ดูจากแรม อื่นๆ
-
มีความรู้อะไรหรือไม่ที่จะหายไปจากการเกษียณอายุ แต่เขายังไม่ได้ถ่ายทอดทั้งหมดมันก็จะหายไปพร้อมกับตัวเขา หรือหายไปจากการโอนย้ายไปอีกฝ่ายหนึ่ง
-
ระบบ KM ที่นำเสนอต้องนำมาใช้ในหลายๆพื้นที่
หลายๆฝ่ายหรือป่าว อาจจะต้องมีความซับซ้อนมากขึ้น
-
มีผู้เชี่ยวชาญหรือไม่ และเต็มใจช่วยเหลือในการสร้างระบบ KM หรือไม่
-
ปัญหาต่างๆที่เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบต้องใช้ประสบการณ์ยาวนานหลายๆปีหรือไม่
ต้องใช้ tacit หรือไม่
ขั้นตอนที่ 2 : จัดตั้งทีมระบบ KM
-
ผู้ที่เป็นหลัก
ผู้ที่เกี่ยวข้องกับระบบ KMความสามารถของสมาชิกในทีม
-
ขนาดของทีม ทีมที่จะประสบความสำเร็จ
ขนาด 7 คนโดยเฉลี่ย
-
ความซับซ้อนของโครงการ ถ้าซับซ้อนมากโอกาสที่ทีมจะสำเร็จน้อย
-
ภาวะผู้นำ และ แรงจูงในของทีมความสามรถที่จะดึงดูดให้ลูกน้องมาทำงานด้วยความเต็มใจ
สั่งไปแล้วลูกน้องไม่ทำคือไม่มีภาวะผู้นำ
-
ไม่สัญญามากไปกว่าสิ่งที่เราจะส่งมอบ
สิ่งที่เป็นความเป็นจริงของระบบที่เราจะส่งมอบ
ขั้นตอนที่ 3 : แหล่งความรู้
-
ความรู้ชัดแจ้งจากแหล่งที่หลากหลาย
-
ความรู้โดยนัยดึงจากผู้เชียวชาญซึ่งจะต้องใช้เครื่องมือวิธีการที่หลากหลาย
เช่นระบบพี่เลี้ยง AAR
-
นักพัฒนาจะไปดึงความรู้จากผู้เชียวชาญมาสร้างฐานความรู้มาไว้ในระบบ
เพื่อนที่จะมา input ในการประมวลผลและได้ความรู้ต่างๆ
ขั้นตอนที่ 4 : ออกแบบ KM Blueprint
KM พิมพ์เขียวจัดการกับปัญหาหลายประการ :
KM พิมพ์เขียวจัดการกับปัญหาหลายประการ :
-
ขั้นของการออกแบบพิมพ์เขียวของระบบ
KM ออกแบบได้ในหลายๆทาง
สุดท้ายแล้วขอบเขตที่เราต้องการมันจะต้องถูกคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ได้รับ
-
มีการตัดสินใจอยู่บนองค์ประกอบของความต้องการของระบบ
-
มีการพัฒนาระดับชั้นที่สำคัญของสถาปัตยกรรมการพัฒนาระบบ
KM
-
ระบบนี้อาจจะต้องสามารถใช้งานระว่างโครงสร้างพื้นฐานที่แตกต่างกันได้
สามารถขยายขนาดได้
ขั้นตอนที่ 5 : การทดสอบระบบ KM
-
วิธีการตรวจสอบความเหมาะสมของระบบ
เพื่อที่จะแน่ใจว่าระบบมีฟังก์ชั่นการทำงานที่เหมาะสม
-
วิธีการตรวจสอบเพื่อที่จะแน่ใจว่าระบบได้ผลลัพธ์ที่ถูต้อง
-
ตรวจสอบความถูกต้องของ
KM ที่ไม่ได้ผิดพลาดจากความประมาท
เช่นเราจะต้องเขียนโปรแกรมให้อ่านแต่ตัวเลข
ขั้นตอนที่ 6 : ใช้ระบบ KM
-
เปลี่ยนไปสู่ระบบ
Km ใหม่
-
การเปลี่ยนข้อมูลที่อยู่ในเอกสาร
หรือกระดาษให้อยู่ในรูปแบบ DATA ให้เป็น file
-
อบรมผู้ใช้งาน
-
การประกันคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญซึ่งรวมถึงการตรวจสอบสำหรับ
:
-
ความผิดพลาดเชิงเหตุเชิงผล
เช่น เขียนโปรแกรมคิดเกรด มีเงื่อนไขถ้าคะแนนเท่านี้ได้เกรดนี้ เราจะใช้คำสั่งอะไร
-
ตรวจถึงความคลุมเครือ
-
อะไรที่ไม่สมบูรณ์ไปปรับให้สมบูรณ์
เช่น กรอกข้อมูล ดอกจันสีแดงที่เราต้องกรอก
-
ตรวจความผิดพลาดระหว่าง
เราตรวจแล้วมันถูกแต่จริงๆแล้วผิด เช่น เราตรวจแล้วให้คำตอบว่าผิดแต่จริงๆแล้วถูก
เช่น ทางการแพทย์ หมอบอกว่าเป็นโรคนี้แต่ไม่ได้เป็น
ขั้นตอนที่ 7 : จัดการโครงสร้างการเปลี่ยนแปลงและรางวัล
-
เป้าหมาย คือ
ต้องการลดแรงต่อต้านที่จะเกิดขึ้นจากผู้เชี่ยวชาญ จาก user พนักงาน และผู้ที่ก่อกวน
-
สะท้อนออกมาในรูปปฏิกิริยาโต้ตอบ
เช่น บอกให้จะต้องกำหนด password ไม่ตำว่า 8
หลัก เขาอาจจะไม่ทำตาม หลีกเลี่ยง หรือก้าวร้าว
ขั้นตอนที่ 8 : ประเมินผลจากการที่เอาระบบไปใช้แล้ว
-
ผลกระทบ : คน ขั้นตอนการ ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
สถาปัตยกรรมของระบบ KM
User Interface : จะติดต่อกับ user จะเห็นระบบเฉพาะส่วน
เช่น เว็บเบราว์เซอร์
Authorized access control : การควบคุมสิทธิในการเข้าถึง
บางระบบจะต้องผ่านการใส่ password ติดตั้ง Ftrewalls,
e.g., security และ authentication
Collaborative intelligence and
filtering : การทำงานร่วมกันของตัวแทนความเฉลียวฉลาด
หรือตัวที่ดึงข้อมูลที่สำคัญมาใช้งาน
Knowledge-enabling applications: แอปพลิเคชั่นต่างๆที่ใช้ในระบบKM ได้แก่ customized applications, skills directories,
videoconferencing, decision support systems,group decision support systems
tools
Transport : ชั้นนำส่งข้อมูล จากการปฏิบัติงานจะได้
ประมวลผลความรู้ จะถูกนำส่งไปอีกเครื่องหนึ่ง ผ่านe-mail, Internet/Web
site, TCP/IP protocol to manage traffic flow หรือ
แสดงออกทางหน้าจอ
Middleware : ซอฟต์แวร์ที่ช่วยทำให้การทำงานของชั้นแอพพลิเคชั่น
กับ เครือข่ายสามารถติดต่อกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
The Physical Layer : ชั้นกายภาพจะประกอบไปด้วย
แอปพลิเคชั่นรุ่นเก่า เช่น บัญชีเงินเดือน กรุ๊ปแวร์ การแลกเปลี่ยนเอกสาร
การทำงานร่วมกัน คลังข้อมูล การล้างข้อมูล data mining
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น